วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย


อันดับ 1
ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย


ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย ชมบรรยากาศ 360 องศา
            วันนี้เราจะพาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อำเภอหนองหิน และของจังหวัดเลย นั่นก็คือ "ภูป่าเปาะ" หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ฟูจิเมืองเลย" คำว่า ภูป่าเปาะ นั้นมาจากภูเขาที่มีป่าไผ่เปาะ ไผ่เปาะเป็นไผ่ชนิดหนึ่งที่ขึ้นได้ทั่วไปตามภูเขายังสามารถพบได้ทุกๆอำเภอของจังหวัดเลย ลักษณะของ  ไผ่เปาะนั้น เป็นไผ่ที่เปาะแตกหักง่าย และนี่คือที่มาของคำว่า ภูป่าเปาะ



            ส่วนที่เป็นจุดเด่นและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวก็คือ การได้ขึ้นไปชมบรรยากาศ และมองเห็นยอดของภูหอ "ภูหอ" มีลักษณะเป็นภูเขาสูงปลายยอดตัดราบบนภู ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิยามา ที่ประเทศญี่ปุ่น จึงเรียกกันว่า "ฟูจิเมืองเลย" ภูหอ เป็นภูเขาที่มีลักษณะเด่นอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น และยังเป็นสัญลักษณ์ของ ตำบลภูหอ อำเภอภูหลวงอีกด้วย เพราะภูหอลูกนี้ตั้งอยู่ในเขต ตำบลหอภู อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย และยังมีประวัติที่เล่าขานกัน



สถานที่ตั้งของ ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย
            ภูป่าเปาะตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ  อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย  ซึ่งปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดเลย เรียบร้อยแล้ว   ภูป่าเปาะนี้ อยู่ห่างจาก "สวนหินผางาม" ประมาณ 7 กิโลเมตร หรือที่เรียกกันว่าคุนหมิงเมืองไทย หรือคุนหมิงเมืองเลย  (สามาถดูรายละเอียดของ สวนหินผางามได้ที่นี่ คลิ๊ก )
  ลักษณะของ ภูป่าเปาะ
            ภูป่าเปาะนั้นมีความน่าสนใจคือมีจุดชมวิว ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900  เมตร สามารถมองเห็นภูหอ  ซึ่งเป็นทางด้าน อำเภอภูหลวง  หรือที่เรียกว่า "ฟูจิเมืองเลย" นั่นเอง
            ส่วนจุดชมวิวของภูป่าเปาะนั้น  จะมีทั้งหมด 4 จุด ซึ่งแต่ละจุดจะห่างกันประมาณ  200 เมตร  ส่วนจุดยอดบนสุดสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา คือสามารถมองภูเขาได้รอบทิศทาง ซึ่งเป็นความน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะอธิบายยังไงต้องไปดูไปชมด้วยตัวเองแล้วละจร้า จุดบนสุดนี้สามารถชมพระอาทิตย์ได้ทั้งขึ้นและตกในจุดๆเดียว คือสามารถไปเช้าหรือเย็นก็ได้ชมบรรยากาศที่น่าประทับใจได้เช่นกัน  
และนอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นภูเขาได้อีก 3 จังหวัดคือ  อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์  อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน  จังหวัดขอนแก่น   และผาสามยอด จังหวัดหนองบัวลำภู   และสามารถ

ชมวิวอีก 8 แห่ง ในมุมมอง 360 องศา คือ
Ø ภูหินร่องกล้า
Ø ภูหอ
Ø ภูหลวง
Ø ภูกระดึง
Ø ภูผาจิต
Ø ภูผาม่าน
Ø สวนหินผางาม
Ø เขาค้อ

ซึ่งการมาเที่ยวชม ภูป่าเปาะ นั้นบรรยากาศก็จะงดงามแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลคือ
·       ช่วงหน้าร้อน จะมองเห็นทุ่งหญ้าและขุนเขาเป็นสีเหลืองทอง
·       ช่วงหน้าฝน ก็จะเห็นภูเขาสีเขียวชุ่มฉ่ำ และท้องทุ่งนาของชาวบ้าน
·       ช่วงหน้าหนาว ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาว ก็ได้ชมทุ่งข้าวสีทองกลางหุบเขา และถ้าเป็นหน้าหนาวจริงๆ จะได้พบกับเจ้าหมอกสีขาว ซึ่งบวก กับวิวของภูหอ หรือ ฟูจิเมืองเลยแล้วละก็ สวยที่สุด สรุปคือมาเที่ยวช่วงหน้าไหนก็ได้

การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ ภูป่าเปา
            ภูป่าเปาะ แห่งนี้ได้รับการพัฒนาและดูแลโดยชาวบ้านและกรรมการหมู่บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ ซึ่งแต่ก่อนนั้น ภูป่าเปาะแห่งนี้ถูกบุกรุกโดยชาวบ้าน ที่ขึ้นไปทำไร ทำสวน จึงเหลือสภาพป่าไม่มากเหมือนแต่ก่อน ต่อมาชาวบ้านและกรรมการหมู่บ้านผาหวาย เห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญอยู่ใกล้กับ สวนหินผางามด้วย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของตำบลปวนพุ อยู่แล้วด้วย จึงได้พัฒนา ภูป่าเปาะ แห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของตำบลปวนพุ ส่วนการบริหารจัดการมีการร่วมกันของชุมชน และคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้ดำเนินงาน และได้รับการสนับ สนุนจากทาง อบต.ปวนพุ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อภูกระแต และทางอำเภอหนองหิน ด้วย เพื่อสนับสนุนให้ชาวบ้านหยุดการบุกพื้นที่ป่า และหันมา ช่วยกันอนุรักษ์สถานที่ชุมชนของตนเอง และเมื่อชาวบ้านมีรายได้จากการท่องเที่ยว จึงหันมาช่วยกันดูแล และปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น  เพราะในอนคตจะได้มีป่าไม้เพิ่มมากขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
            ปัจจุบันภูป่าเปาะ ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ สร้างระเบียงจุดชมวิว  และห้องน้ำ เพื่อเอาไว้บริการนักท่องเที่ยว ทำให้ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาชม   มากขึ้นแล้ว จากการแนะนำไม่ว่าจะเป็นทางชุมชนเอง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย และสื่ออื่นๆ เช่น facebook แฟนเพจเที่ยวเลย facebook.com/teawloei และทางเว็บไซต์ www.เที่ยวเลย.com ก็ได้มีการนำเสนอและประชาสัมพันธ์ทำให้นักท่องเที่ยวรู้จัก ภูป่าเปาะ เพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะจะทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการให้บริการรถอีแต็ก บริการรับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมบรรยากาศ และมีรายได้จากร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม อีกด้วย



การเดินทางเที่ยว ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย
            นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชม ภูป่าเปาะ หรือ ฟูจิเมืองเลย ได้โดยเข้าไปทางเดียวกับ สวนหินผางาม อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดเลยประมาณ 45 กิโลเมตร เมื่อเราเดินทางมาจากจังหวัดเลย ก่อนจะถึงตัวอำเภอหนองหินประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีป้ายให้เลี้ยวขวาไป คุณหมิง ให้ตามทางนั้นไปได้เลย ถ้าหากมาจากทางอำเภอภูกระดึง เข้ามาถึงตัวอำเภอหนองแล้วหินแล้ว  บริเวณตรงข้ามตลาดหนองหิน จะมีซอยเลี้ยวซ้ายเข้าไปตำบลปวนพุ และเจอป้ายตามภาพ คุนหมิง 19 กิโลเมตร ให้ตรงไปเลยครับ

            หรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางขึ้นไปชมภูป่าเปาะ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้ใหญ่บ้านผาหวาย คุณบุญลือ พรมหาลา  หมายเลขโทรศัพท์  089-7646829  และที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย โทร 042-812-812  หรือสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลปวนพุโทร 042-894-254

อ้างอิง  http://www.manager.co.th

อุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา – น้ำตกผาเสื่อ จังหวัดแม่ฮ่องสอน



อันดับ 2
อุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา – น้ำตกผาเสื่อ จังหวัดแม่ฮ่องสอน



            ถ้ำปลา หรือ อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา – น้ำตกผาเสื่อ บริเวณโดยรอบเป็นลําธารและป่าเขาที่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ถ้ำปลามีลักษณะเป็นโพรงปากถ้ำและมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1.50 เมตร ภายในแอ่งน้ำมีน้ำไหลออกจากถ้ำใต้ภูเขาอยู่ตลอดเวลา น้ำค่อนข้างใสสะอาด เป็นที่อยู่อาศัยของปลาพลวง หรือภาษาเหนือเรียกว่าปลาพุง หรือ ปลามุง ปลาชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ตามน้ำตกและธารน้ำในป่า เป็นปลามีเกล็ดขนาดใหญ่จัดอยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน

            ปลาชนิดนี้ไม่สามารถรับประทานได้ เพราะอาหารของปลาชนิดนี้คือผลไม้ไม้ในป่าที่หล่นลงมาในน้ำ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีพิษเมื่อปลากินเข้าไปจึงทำให้เนื้อของปลามีพิษไปด้วย และมีความเชื่อว่าเป็นปลาเจ้า หากใครนําไปรับประทานแล้วจะต้องมีอันเป็นไป

ถ้ำปลา ในอดีตถูกจัดว่าเป็นวนอุทยาน และได้เปลี่ยนเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552


 
ทางเดินไม้ยกระดับเข้าไปยังถ้ำปลา

 
                                                              บ้านไทใหญ่ ในอุทยานฯ ถ้ำปลา

ระหัดพลังน้ำ ภูมิปัญญาชาวบ้านที่น้ำพลังงานน้ำมาใช้งาน เช่น ใช้ในการตำข้าว ทำประปาในหมู่บ้าน


ปลาพลวงในแต่ละที่จะมีสีที่แตกต่างกันออกไป เช่นที่น้ำตกพลิ้ว จันทบุรี ปลาจะเป็นสีดำ ส่วนที่ถ้ำปลา แม่ฮ่องสอน ปลาจะมีสีดำอมน้ำเงิน

 
บรรยากาศร่มรื่นในอุทยานฯ


               ศาลฤาษี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำปลา


เวลาทำการ
            ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.
ช่วงเวลาท่องเที่ยว
            ตลอดทั้งปี ช่วงหน้าหนาวคนจะเยอะเป็นพิเศษ
ค่าเข้าชม
            ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เข้าชมฟรี
            ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
ที่ตั้ง
            ติดต่ออุทยานแห่งชาติถ้ำปลา – น้ำตกผาเสื่อ
ที่อยู่
70 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน 58000
เบอร์โทรศัพท์ :   0 5369 2055, 0 5361 9036

การเดินทาง
            รถยนต์ : ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 ( แม่ฮ่องสอน – ปาย) แยกซ้ายบริเวณบ้านรักไทยเป็นทางราดยางเข้าไปอีก 12 กม. และเข้าทางลูกรังไปอีก 8 กม.
            รถโดยสาร :        ไม่มีรถประจำทางไปถึงต้องใช้บริการ One day trip จากปายคนละ 700 บาท


อ้างอิง  http://www.emagtravel.com

สวนน้ำ ซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี



อันดับที่  3
สวนน้ำ ซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี


            “ซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี (Santorini Water Fantasy)” สวนน้ำระบบดิจิตอลแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชีย อีกทั้งยังเป็นสวนน้ำที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ โดยสวนน้ำแห่งนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จของซานโตรินี พาร์ค ชะอำ ในเฟสแรก นำไปสู่การต่อยอดและสร้างซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี โดยเพิ่งเปิดตัวแบบซอฟท์ลอนช์ ไปเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา สวนน้ำแห่งนี้มีจุดเด่นในส่วนของเครื่องเล่นสไลด์ที่ได้มาตรฐานโลก และยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น ตลอดจนครอบครัวรวมถึงวัยผู้ใหญ่ สวนน้ำฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ นอกจากนี้ยังมีจุดขายที่แตกต่างไปจากคู่แข่งรายอื่นในส่วนของระบบดิจิทัล (มีเดียแชร์ริ่ง) ที่ใช้คลื่นวิทยุ RFID มาเป็นส่วนช่วยในการทำงาน โดยเรียกระบบดังกล่าวนี้ว่า “ซานโตรินี คอนเนคส์ (Santorini Connects)”

            การนำระบบ “ซานโตรินี คอนเนคส์ (Santorini Connects)” มาประยุกต์ใช้ จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถที่จะ log-in และใช้ริสแบนด์เป็นสื่อเพื่ออัพผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media) ในขณะที่ผู้เล่นกำลังเล่นเครื่องเล่น ซึ่งจะมีกล้องบนตัวสไลด์จะจับภาพไว้ หลังจากที่เล่นเสร็จ ผู้เล่นจะสามารถสแกนริสแบนด์ได้ในบริเวณสถานีจุดเช็คพ้อยต์ เพื่อเลือกภาพของตัวเอง อีกทั้งยังสามารถแชร์ภาพหรือข้อมูลผ่าน Facebook ของผู้เล่นได้ทันที จากความสะดวกดังกล่าวนี้จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถเห็นภาพความเคลื่อนไหวของตัวเองได้ตลอดเวลา นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าลอง คงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว ซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี (Santorini Water Fantasy) มีเครื่องเล่นที่เป็นซิกเนเจอร์แห่งแรกและหนึ่งเดียวในเอเชีย นั่นก็คือ Ares’s King Cobra นอกจากนี้เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์และกระแสเทคโนโลยีของคนในยุคปัจจุบัน สวนสนุกแห่งนี้ยังจะมีการต่อยอด ด้วยการเพิ่มเครื่องเล่นใหม่ ได้แก่ บ้านผีสิง (Haunted House) ซึ่งเป็นระบบดิจิทัล โดยเพิ่งเปิดเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม และยังมี “Trick Art Museum” เป็นภาพระบบดิจิทัล 3 มิติ โดยจะเปิดช่วงกลางเดือนตุลาคม 2556 นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นหลากหลายให้ผู้เล่นได้เลือกสนุก ซึ่งมีเครื่องเล่นทั้งหมดจำนวน 12 attractions และอีก 1 extra ride อันได้แก่ Ares’s King Cobra, Apollo’s Drop Screamer, Bacchus’s Magic Hole, Hermes Falls (เครื่องเล่นผจญภัยที่มีท่อยาว 150 เมตร สูง 12.40 เมตร), The Artemis’s Rapids, The thunder of Zeus, Athena’s Space Shaker, Vulcan’s Kamikaze, Venus Free Fly (สไลเดอร์ 6 ราง), Kid’s Paradise of Demeter, The Lazy Hera (สระทางน้ำไหล), Poseidon’s Lagoon (โต้เกลียวคลื่นในสระคลื่นจำลอง) และ Ring of The Titan (วงล้อแห่งการผจญภัย)

 
เครื่องเล่น Ares’s King Cobra
เครื่องเล่น The Thunder of Zeus


 
เครื่องเล่น Vulcan’s Kamikaze

เครื่องเล่น Bacchus’s Magic Hole

            สำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อชูชีพ, ระบบ Prepaid ริดแบนด์ (สื่อใช้สำหรับอัพข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย), ห่วงยาง, ตู้ล็อคเกอร์เก็บของ และยังมีบริการให้เช่าคาบาน่าส่วนตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือท่านที่มาเที่ยวกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ในส่วนของโซนอาหารการกินไม่ต้องกังวลเลยครับ เพราะซานโตรินี่ วอเตอร์ แฟนตาซี มีการจัดโซนสำหรับให้บริการอาหารและของกินต่างๆ หลากหลายประภท ทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่ม Tholos Restaurant, ร้านผลไม้ Fruit for Thought, ร้านเบอร์เกอร์ Maverricks Grill, ร้านเครื่องดื่ม Crepe A Crepe และ Tholos Café เป็นต้น

สถานที่ตั้งซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี
 555 หมู่ที่ 3 ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 76120 (อยู่ติดกับซานโตรินี พาร์ค ชะอำ (Santorini Park Cha – Am))

อัตราค่าบริการ :  ค่าบริการ มี 2 อัตรา ดังนี้
-General Admission Rates ผู้ใหญ่ 900 บาท เด็ก (สูงเกิน 130 เซนติเมตร) ผู้พิการและผู้สูงอายุ 500 บาท
-Thai Residents Rates (คนไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย) ผู้ใหญ่ 700 บาท เด็ก (สูงเกิน 130 เซนติเมตร) ผู้พิการและผู้สูงอายุ 400 บาท ส่วนเด็กความสูงไม่ถึง 90 เซนติเมตร สามารถเข้าเที่ยวได้ฟรี

ทั้งนี้อัตราค่าบริการดังกล่าวนี้ สามารถเล่นได้ทุกอย่างและอยู่ได้ทั้งวัน เวลาเปิดบริการแล้วตั้งแต่วันนี้ 

วันและเวลาเปิดทำการ  
            ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ระหว่างเวลา 09.00 – 21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 วันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.30 น. วันศุกร์ – อาทิตย์  เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมและโปรโมชั่นดีๆ จาก “ซานโตรินี วอเตอร์ แฟนตาซี” ได้ที่
facebook : facebook.com/pages/Santorini-Water-Fantasy/

เว็บไซต์ :  www.santoriniwaterfantasy.com


อ้างอิง  http://www.amazingthaitour.com

ทองผาภูมิ”เมืองทะเลภูเขา


อันดับ 4
ทองผาภูมิ เมืองทะเลภูเขา
“สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย”


             หากใครบอกกับเพื่อนๆว่าจะไปเที่ยวยังดินแดนแห่งนี้ หลายคนอาจเดาไม่ถูกว่ามันคือสถานที่ใด เพราะในยุคนี้ พ.ศ.นี้ สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยหรือสวิสเมืองไทยนั้นมีอยู่หลายแห่งตามกิมมิกโปรโมตการท่องเที่ยวแบบไทยๆ

             สวิสเมืองไทยจะมีส่วนละม้ายคล้ายสวิสของจริงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับทัศนะของนักท่องเที่ยวแต่ละคน “ผู้จัดการท่องเที่ยว” แม้ไม่ขัดด้วยประการทั้งปวงต่อการเรียกขานดินแดนที่สวยงามว่าสวิสเมืองไทย แต่เราก็ไม่ใช่ผู้นิยมในสโลแกนนี้สักเท่าไหร่ เพราะถือว่าแต่ละแห่งต่างก็มีมนต์เสน่ห์และความงามอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ในตัวของมัน ดังเช่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นี่ก็เป็นอีกหนึ่งดินแดนสวิสเมืองไทยที่มีเสน่ห์ความงามชวนให้ไปสัมผัสเที่ยวชมอยู่หลายจุดด้วยกัน

        รู้จักทองผาภูมิ...
              ก่อนจะไปเยือนทองผาภูมิ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอฉายภาพคร่าวของอำเภอนี้ให้เห็นกันพอหอมปากหอมคอ ทองผาภูมิ เป็นอำเภอชายแดนไทย-พม่า อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 146 กิโลเมตร เคยเป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้ก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะจากเมืองกาญจน์ไปถึงทองผาภูมิแต่ว่าหลังสงครามยุติลงทางการได้รื้อถอนออก เหลือไว้เพียงสถานีสุดท้ายที่น้ำตกไทรโยคน้อย

             ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของทองผาภูมิก็คือ อำเภอแห่งนี้เมื่อหลายสิบปีที่แล้วโด่งดังมากในฐานะ “เมืองเหมือง” โดยเฉพาะกับเหมืองปิล๊อกนั้น ชื่อชั้นจัดอยู่ในระดับตำนานเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ทองผาภูมิได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสวิสเมืองไทยก็เพราะอำเภอนี้ตั้งอยู่กลางขุนเขาที่รายรอบ ซึ่งท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมนี่แหละทำให้อำเภอนี้มีสภาพอากาศที่สุดโต่ง คือหน้าร้อนร้อนจัด หน้าหนาวหนาวยะเยือก หน้าฝนฝนตกชุก แต่นั่นก็ไม่ทำให้มนต์เสน่ห์ของอำเภอแห่งนี้ดูด้อยค่าลงแต่อย่างใด
            และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญในการออกดั้นด้นเดินทางจากกรุงเทพฯสู่ดินแดนแห่งขุนเขาแห่งนี้ที่จะมีสิ่งใดน่าสนใจรอคอยอยู่เบื้องหน้า ทริปนี้เราจะออกเดินทางไปค้นหากัน
       


       อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์เป็นระยะทาง 146 กม. ไปตามทางสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ(ทางหลวงหมายเลข 323) ผ่าน อ.ไทรโยค ไปเรื่อยจนถึงสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหมายเลข 3272 (หากเลี้ยวขวาจะไปอ.สังขละบุรี) หากไปด้วยรถโดยสารประจำทางในสถานีขนส่งเมืองกาญจน์ มีรถทองผาภูมิ-สังขละ วิ่งทุกๆ 40 นาที เวลา 6.00-18.20 น.
       
       น้ำตกผาตาด ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ไปตามถนนกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ถึง กม.105 จะมีทางแยกขวาเข้าสู่ตัวน้ำตกระยะทางประมาณ 10 กม. สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร. 08-1210-1756,08-9546-5060
       
       นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในเนื้อเรื่องแล้ว อ.ทองผาภูมิ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ น้ำพุร้อนหินดาด เขื่อนวชิราลงกรณ(เขื่อนเขาแหลม) อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เหมืองปิล๊อก ผู้สนใจเที่ยว อ.ทองผาภูมิและเมืองกาญจน์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี โทร. 0-3451-1200, 0-3451-2500



อ้างอิง  http://www.manager.co.th

สวนผึ้ง ราชบุรี


อันดับ 5
สวนผึ้ง ราชบุรี


            สวนผึ้ง ราชบุรี นับเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลายแนว ทั้งน้ำตก ภูเขา รวมถึงมีที่พักสวย ๆ ตกแต่งอย่างมีสไตล์ และนอกจากที่พักสวนผึ้งเก๋ ๆ แล้ว บรรดารีสอร์ทต่าง ๆ ก็ยังสอดแทรกเอาเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาดึงดูดนักเดินทางให้ไปเยี่ยมเยือนซะด้วย เพราะฉะนั้น นักเดินทางที่มีแพลนไปเที่ยวสวนผึ้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน หรือไปเที่ยวที่ไหนดี ก็ตามกระปุกท่องเที่ยวไปดูกันเลยว่า 18 ที่เที่ยวสวนผึ้งน่าไปสัมผัสมีที่ไหนบ้าง ลองดูสิว่าจะโดนใจกันบ้างหรือเปล่า

สถานที่ท่องเที่ยวสวนผึ้ง
1. บ้านหอมเทียน
           ถือเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์กของอำเภอสวนผึ้งก็ว่าได้ สำหรับ "บ้านหอมเทียน" ประมาณว่าใครไปสวนผึ้งแล้วไม่ได้ไปที่นี่ถือว่าไปไม่ถึงนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะมีเทียนหอมรูปร่างแปลกตาน่ารักน่าชัง ของฝาก และของทำมือดีไซน์เก๋ให้เลือกช้อป เลือกดูกันแล้ว ยังมีกิจกรรมทำเทียน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, มุมศิลปะอย่างวาดภาพเหมือน และบริการนวดแผนไทย ฯลฯ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือมุมโพสท่าถ่ายภาพเก๋ ๆ แจ่ม ๆ ที่มีให้เลือกสรรกันตามใจเพียบ
            อัตราค่าบริการ : 40 บาท
           ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
           โทรศัพท์ : 08 1995 8144, 0 2402 8032
            เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก บ้านหอมเทียน

2. อัลปาก้าฮิลล์ สวนผึ้ง
            อัลปาก้าฮิลล์ ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดของไทย ดินแดนอันแสนสวยงามซึ่งเต็มไปด้วยอัลปาก้าขนปุย วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวกว่า 250 ไร่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ป้อน กอด และหยอกล้อกับสัตว์ที่เป็นมิตรอันหลากหลาย ทั้งอัลปาก้า จิงโจ้แคระ กระต่ายยักษ์ หนูตะเภา และอื่น ๆ อีกมากมาย อ๊ะ ๆ แต่เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมน้องอัลปาก้าเป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่กำหนดไว้ต่อวัน (เพียง 200 ท่าน/วัน) อัลปาก้าฮิลล์จึงจะรับลูกค้าผ่านระบบทางการจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เท่านั้น (สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08 0821 2108/08 1145 9565)

          อัตราค่าบริการ : บัตรธรรมดา 190 บาท, บัตร VIP 290 บาท, บัตร VIP EXPRESS 390 บาท และบัตร YEAR PASS 500 บาท หรือดูรายละเอียดได้ที่ alpacahill.com
          ที่อยู่ : 357 หมู่ 8 ถนนผาปก-ตะโกล่าง ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 0821 2108 และ 08 1145 9565
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันศุกร์ เวลา 09.30-18.00 น., วันเสาร์ เวลา 09.00-18.30 น. และอาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
          เว็บไซต์ : alpacahill.com


 3. ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์
            ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครในอำเภอสวนผึ้ง ที่ทุกท่านต้องมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง (ไม่เสียค่าเข้าชม) และทางไร่ยังได้มีบริการสถานที่กางเต็นท์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและมีความเป็นธรรมชาติอีกด้วย สำหรับการเดินทางจากหน้าอำเภอสวนผึ้งตรงมาตามเส้นทางหลัก 14 กิโลเมตร จะเจอสามแยกที่มีป้อมตำรวจ ให้เลี้ยวขวาและตรงเข้ามาอีก 4 กิโลเมตร ไร่อยู่ซ้ายมือ

          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  08 1017 0704 และ 08 1007 0668
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ อ.สวนผึ้ง




 4. ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto
            ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto พร้อมแล้วที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งผู้ที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนอันแสนโรแมนติก และศูนย์การค้าสุดอลังการกับรูปแบบของอาคารและร้านค้าที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เพื่อความสนุกสนานในการจับจ่าย และเลือกซื้อสินค้า โดยร้านค้าตลาดน้ำ Veneto ถูกออกแบบอย่างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์ ภายใต้กลิ่นอายอันแสนโรแมนติกของ Santorin ด้วยความโดดเด่นของตัวอาคารสีขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำเงินสด ท่ามกลางเทือกเขาที่เขียวขจีจนมีเอกลักษณ์และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังได้ตื่นตาและเพลิดเพลินกับการเก็บภาพความประทับใจของลานน้ำพุ หอระฆัง และสวนหย่อม โดยเริ่มเปิดให้ท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556

          อัตราค่าบริการ : สอบถามโดยตรงจากทางตลาดน้ำ
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  09 1561 8848
          เว็บไซต์ : venetosuanphueng.com และ เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto




5. กล้วยไม้ออร์คิด
            ใครชอบกล้วยไม้ไม่ควรพลาดกับ "สวนผึ้งออร์คิด" ศูนย์รวมแวนด้า แอสโคเซนด้า ลูกผสมหลากสีสวยงาม มีให้เลือกกันอย่างมากมาย ชอบต้นไหนก็ซื้อกลับบ้านได้เลย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน สถานที่สะอาด บรรยากาศสบาย โดยมีเจ้าของร้านใจดีอย่าง พี่เล็ก อนุโพธิ์ พรายมณี ที่ให้การต้อนรับพร้อมแนะนำให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับต้นกล้วยไม้เป็นอย่างดี พร้อมจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ทั้งนี้ ตอนนี้ทางสวนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมสร้างทางเดินเป็นแพในบ่อเลี้ยงปลา สำหรับผู้ที่ต้องการไปให้อาหารปลากลางบ่อ เป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่อยากเดินชมสวนจ้า

          อัตราค่าบริการ : เปิดให้เข้าชมฟรี
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : 313/2 หมู่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี   
          โทรศัพท์ :  0 3271 1230

          เว็บไซต์ : suanpheungorchids.com และ เฟซบุ๊ก Suanpheungorchids-สวนผึ้งออร์คิด




อ้างอิง  https://travel.kapook.com